วศิน ศรีวราธนบูลย์ การผสมผสานที่กลมกล่อมระหว่างบทบาทของศิลปินและนักธุรกิจ
“ผมรักที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปตามวิถีทางตามธรรมชาติ…มีปัญหาอะไรก็แก้ไข ไม่จำเป็นต้องเครียด”
คำพูดง่ายๆ สบายๆ สื่อสารออกมาด้วยแววตาท่าทางที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี และมีความสุขกับชีวิตได้ง่าย ของ อ.วศิน ศรีวราธนบูลย์ บุคคลผู้มีหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจ สถาปนิก บรรณาธิการ และช่างภาพพาโนสโคปมืออันดับหนึ่งของประเทศที่มีผลงานถ่ายภาพแนวพาโนสโคปและ Virtual Tuor 360 ให้กับโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์หรูระดับห้าดาวมาแล้วทั้งในประเทศและระดับสากล อาจทำให้ใครหลายคนที่เคยร่วมงานกับเขาในบทบาทที่แตกต่างกันต่างรู้สึกทึ่ง หากได้รู้ว่าสถาปนิกหนุ่มผู้รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจผู้นี้ จะมีลีลาสบายๆ ไม่ต่างกันเลยไม่ว่าเขากำลังจะเจรจาตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลักร้อยล้าน หรือเซ็นสัญญารับงานถ่ายภาพวงเงินเพียงหลักหมื่นหลักแสน ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย บนพื้นฐานของความสุข มิตรภาพ ความไว้วางใจและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นกันเอง พูดน้อย ถ่อมตัว และมีความจริงใจเป็นที่ตั้ง อ.วศินจึงไม่ค่อยเปิดตัวออกสู่สังคมในฐานะคนเด่นคนดัง ทั้งที่มีสื่อมวลชนหลายแขนงให้ความสนใจที่จะมาสัมภาษณ์ถึงตัวตนและผลงานของเขา เพราะเขาไม่สนุกกับการสร้างภาพให้สังคมชื่นชมหรือใช้ชีวิตไปตามความคาดหวังของคนอื่น การบริหารเวลาซึ่งเป็นต้นทุนที่แพงที่สุดของชีวิตในแต่ละวันของเขาจึงสามารถจัดการได้อย่างมีอิสรภาพ ขณะที่นักธุรกิจคนอื่นอาจจะกำลังวุ่นวายอยู่ในที่ประชุมนั้น อาจเป็นเวลาที่ อ.วศิน เลือกไปรับงานถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับใช้เวลาดีๆ ร่วมกับครอบครัวที่เขารัก หรือเล่นวินเซิร์ฟโต้คลื่นอยู่กลางทะเล และอาจจะเป็นเวลาเดียวกันกับการตระเวนหาซื้อที่ดินแปลงสวยๆ มาสะสมไว้ในพอร์ตการลงทุน เพื่อพัฒนาสร้างมูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนซื้อขายในอนาคต ซึ่ง อ.วศินมองเห็นโอกาสเหล่านี้ ผ่านสายตาของทั้งนักลงทุน สถาปนิก และช่างภาพ ผสมผสานกันเป็นวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนอย่างชัดเจนว่า
“ผมเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนในระยะยาวที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนสูงสุดครับ เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ แม้ว่าสภาพคล่องอาจจะไม่สูง แต่หากเลือกทำเลที่มีศักยภาพก็จะสามารถทำกำไรได้มากถึง 500-1000 % ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี”
“ครอบครัวของผมมีคุณพ่อเป็นสถาปนิก ตัวผมเองและภรรยาก็จบสถาปัตย์มาด้วยกันทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท เราจึงมีความสนใจร่วมกันในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการเลือกซื้อที่ดินเพื่อพัฒนา การซื้อขายแลกเปลี่ยน รวมไปถึงการทำสื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่เป็นสื่อเชิงธุรกิจและสื่อไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะคุณพ่อของผมนั้นท่านเป็นทั้งสถาปนิกและนักธุรกิจผู้ที่มีสายตาเฉียบคมมากในด้านการเลือกทำเลที่ดิน ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมมีโอกาสได้ช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวมาตลอด โดยได้รับหน้าที่เป็นผู้เจรจาต่อรองในการตกลงทำสัญญาธุรกิจต่างๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย หรือการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเติบโตในต่างประเทศ คุณพ่อคุณแม่จึงเห็นว่าน่าจะใช้ภาษาอังกฤษในการเจรจาสื่อสารทางธุรกิจช่วยเหลืองานของที่บ้านได้ และการที่เรียนด้านสถาปัตยกรรมก็ทำให้เรามีพื้นความรู้ด้านการพัฒนาที่ดินและการเลือกทำเลที่มีศักยภาพครับ”
เพราะสมองซีกซ้ายและซีกขวาที่ทำงานประสานกันอย่างสมดุล ทำให้ อ. วศิน ศรีวราธนบูลย์ มีทั้งความเป็นนักธุรกิจและความเป็นศิลปินผสานกันอยู่ในตัวเองอย่างกลมกล่อม นอกเหนือจากความสุขที่ได้ทำงานออกแบบและการบริหารโพรดักชั่นเฮ้าส์สำหรับผลิตสื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อบริษัท dp-studio ควบคู่กับงานถ่ายภาพแนวพาโนสโคปซึ่งเขารักเป็นชีวิตจิตใจและทำได้ดีจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมระดับห้าดาว รวมถึงงานผลิตสื่อ TRAVEL LIFESTYLE ในรูปแบบ VIRTUAL TOUR 360 ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ภายใต้ชื่อเว็บไซต์ www.At-Bangkok.com แล้ว อ.วศิน ยังมีบทบาทอีกด้านหนึ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะติดกับมาดช่างภาพอารมณ์ดี สบายๆ ของเขา น้อยคนที่จะรู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ รับหน้าที่บริหารธุรกิจอพาร์ตเม้นท์ โรงแรม บ้านเช่า และเป็นตัวแทนในการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับครอบครัวมาตั้งแต่เขายังเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกวันนี้ ประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับการซื้อ-ขาย-ให้เช่า ที่ดิน การพัฒนา-บริหารโครงการ โรงแรม อพาร์ตเม้นท์ และบ้านพักอาศัย รวมถึงช่วยงานออกแบบในบริษัทสถาปนิกของคุณพ่อมานานกว่ายี่สิบปี ทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมกลายเป็นอีกส่วนผสมหนึ่งของชีวิต ที่ทำให้ทัศนคติในการทำงานสร้างสรรค์และการทำธุรกิจนั้นลึกซึ้งด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งในมุมของศิลปะและการลงทุนที่คุ้มค่า
“คนทำงานศิลปะจำนวนไม่น้อยมักขัดแย้งกับผู้ว่าจ้างหรือคนทำธุรกิจ เพราะขาดความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน ผมเป็นคนที่อยู่ทั้งในโลกธุรกิจและศิลปะจึงเข้าใจดีว่า ในการลงทุนทางธุรกิจนั้น เราจะหวังแต่กำไรง่ายๆเยอะๆ อย่างเดียวโดยขาดรสนิยมไม่ได้เลยครับ และในขณะเดียวกัน การทำงานศิลปะของผมไม่ว่างานออกแบบสถาปัตยกรรม หรืองานถ่ายภาพโครงการ หากจะใช้มุมมองทางศิลปะอย่างเดียวโดยไม่พิจารณาถึงประโยชน์ใช้สอยของงานที่ทำก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน งานศิลปะของเราคือภาพถ่ายสถาปัตยกรรมที่ต้องยอมรับว่าสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสื่อสารประโยชน์ทางธุรกิจให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์หรือโรงแรมนั้นๆ ควบคู่ไปกับการถ่ายทอดข้อมูลและความประทับใจให้กับผู้ชม เราต้องทำให้ภาพออกมางดงามที่สุด สื่อสารสิ่งดีๆให้เกิดประโยชน์กับโครงการอย่างเต็มที่ และให้ข้อมูลความจริงกับผู้ชมอย่างเต็มที่ในขณะเดียวกัน”
ไม่เพียงเฉพาะการเป็นศิลปินถ่ายภาพ สถาปนิก และนักธุรกิจ อ. วศิน ยังเป็นนักท่องเที่ยวแนวสุขนิยมที่มีประสบการณ์ด้าน LUXURY LIFESTYLE อย่างครบเครื่อง จนถึงขนาดเปิดเว็บไซต์ Review โรงแรม-ร้านอาหารหรู ให้คนชอบกินชอบเที่ยวได้ติดตามกันโดยตลอด
“การที่ผมเกิดในเมืองไทย ไปโตที่อเมริกา เดินทางบ่อย ย้ายบ้านย้ายโรงเรียนมาหลายรอบ แล้วกลับมาทำงานอยู่ในเมืองไทย ทำให้เกิดภาวะแปลกที่แปลกถิ่นอยู่ตลอดเวลา อยู่เมืองนอกก็ไม่ได้เป็นฝรั่ง อยู่เมืองไทยก็ไม่เหมือนคนไทย ตอนแรกผมรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน แต่เมื่อเติบโตขึ้น ความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน ความเป็นคนแปลกถิ่นหลายวัฒนธรรม กลายเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ผมมีมุมมองที่หลากหลาย ไม่ถูกจำกัดหรือตีกรอบความคิดอยู่ภายใต้วัฒนธรรมแบบใดแบบหนึ่ง”
สิ่งซึ่งดูเหมือนจะเคยคุ้นแต่ไม่คุ้นเคยสำหรับ อ.วศิน คือการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนถิ่นฐาน ความรู้สึกนี้เองทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยสายตาของคนต่างถิ่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเดินทางหรือจะใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นใด เป็นระยะเวลาสั้น-ยาวแค่ไหน เขาก็จะมองเห็นภาพที่แตกต่าง ในมุมมองแปลกใหม่ของสภาพแวดล้อมที่อาจจะดูซ้ำซากในสายตาคนอื่นๆหรือคนพื้นที่
หลังจากกลับมาเรียนจนจบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ อ. วศินกลับไปอเมริกา เพื่อเรียนต่อปริญญาโทสถาปัตย์ ที่ University of Arizona ก่อนจะย้ายไปที่ University of Colorado at Denver และทำงานอยู่ในอเมริการะยะหนึ่ง พร้อมกับความรู้สึกของการเป็นคนต่างถิ่นที่ติดแน่นอยู่ในใจเขาเสมอ อย่างไรก็ดีความรู้สึกดังกล่าวเป็นแรงกระตุ้นที่มีประโยชน์ต่อการทำงานศิลปะ เพราะทำให้เขาสามารถถ่ายทอดเรื่องราวจากสายตาผ่านความคิดและแสดงภาพจากความคิดให้ปรากฏด้วยสายตาในแง่มุมใหม่ๆ ด้วยวิธีการและสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ (Photography) การสร้างภาพ (Visualization) และด้วยพื้นฐานความเป็นสถาปนิก อ.วศินเล็งเห็นว่าศักยภาพในการนำเสนอภาพเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการสร้างสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมและงานออกแบบในสาขาต่างๆ เขาจึงกลับมาเป็นอาจารย์สอนในสาขา Design Communication ให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยเข้าเป็นอาจารย์ประจำที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง
และในขณะเดียวกัน มุมมองที่แปลกแตกต่างนอกกรอบบวกกับสัญชาตญาณทางธุรกิจก็ทำให้เขาเห็นโอกาสใหม่ๆ ในสิ่งที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น
“การลงทุนให้ได้กำไรนั้น ไม่ได้หมายถึงการมองหาช่องทางเอาเปรียบคนอื่น แต่เป็นการแสวงหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ในขณะที่คนอื่นยังไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในที่ดิน หรือการซื้อหุ้น หากเราสามารถซื้อของดีได้ก่อนที่คนอื่นจะรู้หรือมองออกว่ามันดี เราก็ซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าคนอื่น ในการทำงานศิลปะ ไม่ว่าจะออกแบบหรือถ่ายภาพ หากเราเห็นมุมที่คนอื่นไม่เห็น เราก็ถ่ายทอดสร้างสรรค์ภาพของสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างได้เสมอ”
“ผมเป็นคนโชคดีที่มีโอกาสได้ท่องเที่ยว ใช้ชีวิต และทำงานอยู่กับโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมระดับห้าดาวมาเป็นระยะเวลานาน ได้รู้จักคลุกคลีกับผู้คนในวงการนี้อย่างใกล้ชิด ก็ทำให้มีประสบการณ์และความเข้าใจในมาตรฐานของการทำธุรกิจเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งด้วยมุมมองของผู้บริโภค ช่างภาพ สื่อมวลชน สถาปนิก และในฐานะคนทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน เมื่อเราไปเห็นทำเลที่ดินสวยๆ ตามแหล่งต่างๆ ก็ทำให้เราพอจะวิเคราะห์คร่าวๆ ได้ว่า ทำเลนั้นมีศักยภาพในการลงทุนมากน้อยเพียงใด เหมาะกับการพัฒนาไปในรูปแบบใด น่าจะออกแบบหน้าตาอาคารแบบไหน หากทำเป็นโรงแรม ควรสร้างจุดเด่นในการตลาดและการบริการอย่างไร หรือแม้แต่ข้อมูลด้านบุคลากรในแวดวง เราก็เก็บรายละเอียดสะสมมานานจากการทำงานและการใช้ชีวิตจริงๆ ได้ศึกษางานออกแบบของสถาปนิกหลายท่านจากการได้ไปใช้สถานที่จริง ทำให้พอจะรู้ว่า ถ้าชอบอาคารลักษณะใด ควรเลือกใช้สถาปนิก มัณฑนากร หรือภูมิสถาปนิกคนไหนมาออกแบบ แม้เราจะไม่ได้เก่งมาก แต่การที่มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นคนชอบเที่ยว ชอบเดินทางจริงๆ ก็มีข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจได้มาก ยิ่งเรามีข้อมูลลึกและกว้าง ก่อนการลงทุน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้บ้าง แต่จะอย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ผมก็ทำใจยอมรับ และไม่เครียดกับมันมากนัก”
อ. วศิน บอกเล่าถึงแนวคิดในการลงทุนและในการใช้ชีวิตของเขาอย่างรื่นรมย์
“การได้ทำงานที่เรารัก ได้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตของผมครับ ทว่ากำไรแท้จริงที่มากกว่านั้นคือความสุขใจและมิตรภาพที่ได้ทำธุรกิจด้วยกัน ทั้งลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทุกส่วนของผมจึงเป็นเหมือนเพื่อน…เหมือนญาติสนิท ที่เราต่างคอยดูแลเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเสมอ เราไม่ได้คิดเรื่องการต่อรองเชือดเฉือนชิงไหวชิงพริบกันเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ส่วนแบ่งมากที่สุด แต่เราช่วยกันทำงานในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อสร้างผลงานที่ดีให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย เพราะการทำงานอะไรก็ตาม ถ้าทำแล้วไม่มีความสุขถือว่าขาดทุนครับ และที่สำคัญต้องมีเวลาดูแลตัวเองกับครอบครัวให้มีความสุขด้วย อันนี้ห้ามลืมเด็ดขาดครับ”
********************************
Text: วณิศา อดัมส์
Credit: http://dooqo.com/?p=709