Interview in ESQUIRE Magazine

interview---2015-08-13-144705-r

จากเจ้าของบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ ที่หันมาจับกล้องเป็นช่างภาพ ปรับขนาดองค์กรจากบริษัทใหญ่ลดขนาดเป็นบริษัทเล็กที่มีความคล่องตัวสูง “การที่เคยมีลูกน้องสิบกว่าคน กับมีแค่สองสามคนมานั่งอยู่ตรงหน้าเรา ความรู้สึกมันผิดกันเยอะ ไม่เป็นภาระ สบายใจขึ้นเยอะเลย”

บริษัท dp-studio ของวศินรับทำงานพรีเซนเทชันสำหรับงานสถาปัตยกรรม วศินเรียนด้านสถาปัตยกรรมและคอมพิวเตอร์กราฟิกจากยูนิเวอร์ซิตีออฟแอริโซนา และยูนิเวอร์ซิตีออฟโคโรลาโด รับงานจากต่างประเทศ ความเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกา เป็นที่มาของการดาวน์ไซส์เป็นบริษัทขนาดเล็ก เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์

ภาระที่ลดลงจากงานบริหารแบบเก่ามาสู่รูปแบบองค์กรใหม่ที่มีอิสระขึ้น วศินก็เริ่มหันมาทำงานที่รัก ซึ่งเขาทิ้งไปนาน นั่นคือการถ่ายภาพอาศัยความเข้าใจด้านสถาปัตยกรรม

ราวสองปีที่แล้วเขาเริ่มถ่ายภาพด้วยเทคนิค  360 องศาให้โรงแรมและรีสอร์ตหรู ล่าสุดเขาเพิ่งกลับจากการทำงานที่พม่า ถ่ายภาพโรงแรมฮิลตันในสองจังหวัดของพม่า ดูเขาจะสนุกกับงานใหม่ซึ่งแตกต่างจากงานบริหารและการทำโปรดักชั่น

“ซึ่งได้แต่อยู่ในออฟฟิศ แต่คุณรู้ไหมว่าการถ่ายรูปนี่มันฟิซิคัลมาก อย่างจะถ่ายงานสถาปัตยฯ นี่คุณต้องดูทุกมุม ดูว่ามุมไหนสวย (ในหน้างานซึ่งมีพื้นที่หลายสิบไร่เป็นอย่างน้อย) ยิ่งถ้าอยากได้ภาพสวยจากแสงเวลาโพล้เพล้ ที่เขาเรียกว่าเวลาทอง ซึ่งแสงภายในและภายนอกจะสมดุลกัน ภาพจะออกมาสวย แบบนี้ต้องใช้แรงพอสมควรครับ”

 

ช่วงที่ดาวน์ไซส์บริษัทและย้ายมาอยู่บ้านหลังปัจจุบัน (บ้านโมเดิร์นที่ว่าไงครับ) นี่เองที่วศินได้มีโอกาสหันมาเอาจริงกับอีกความสนใจนั่นคือการออกกำลัง เมื่อเราถามเขาถึงสุขภาพโดยทั่วไปในช่วงก่อนออกกำลังซึ่งอายุเขาเพิ่งผ่านเส้น 40 มาหมาดๆ “ตอนนั้นผมไม่อ้วนนะ เรียกว่าสกินนี้แฟตมากกว่าคือตัวผอมแล้วมีพุง” นอกจากเรื่องของรูปร่าง เรายังแอบถามเขาถึงเรื่องปัญหาสุขภาพโดยพุ่งเป้าไปที่เรื่องของสมรรถภาพทางเพศอย่างตรงไปตรงมา “ช่วงก่อนจะมีปัญหาบ้าง” คือคำตอบของเขา

 

ผู้ชายคนนี้ทำงานที่โฮมออฟฟิศ ผ่อนคลายน้ำหนักที่แบกลง มีเวลามีสถานที่ที่อำนวยต่อการออกกำลัง วศินเริ่มออกกำลังจริงจังมาได้สองสามปีแล้วเรื่องปัญหาที่ถามถึงเมื่อย่อหน้าที่แล้วเขาบอกว่า “ช่วงหลัง(ที่ออกกำลังมา) ถือว่าโอเคเลยนะ ถือว่าไม่มีปัญหา”

 

เมื่อเห็นความครบเครื่องของเวท และบาร์เบลที่หลังบ้าน เดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้ชายคนนี้เอาจริงเรื่องการออกกำลังขนาดไหน เขาจริงจังขนาดจ้างเทรนเนอร์มาที่บ้านเพื่อให้การออกกำลังมันเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ผู้ชายคนนี้ตื่นนอนมากินเวแล้วออกกำลัง

“เพื่อจะได้ไม่เกิดคาทาโบลิซึมหรือไปกินกล้ามเนื้อ”

เขาเล่นเวทสลับกับคาร์ดิโอ ตอนนี้เขาทำสคอว์ทโอเวอร์เฮดเดดลิฟต์ได้ 80 กว่ากิโลกรัมแล้ว

“ทุกครั้งที่ยกก็รู้สึกกลัว (ว่าจะได้รับบาดเจ็บ) นะครับแต่ก็ต้องทำ”

ส่วนคาร์ดิโอสลับวันเขาเลือกจะเล่นบาสเกตบอล กีฬาที่เล่นมาตั้งแต่เด็ก ขี่จักรยานอยู่กับที่และชกกระสอบทรายบ้างก่อนนอนเขาอ่านหนังสือหาความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ (ทุกวันนี้เขากินไก่วันละครึ่งกิโลฯ

“จริงๆ คือจะต้องกิน 800 กรัมแต่ไม่ไหวนะครับ” ข้าวกล้องและผักเป็นอาหารประจำตัว มีจุดประสงค์ เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ) ระหว่างที่คุยกันเราได้ยินคำว่าเทสโทสเทอร์โรนมากกว่าสองครั้ง “ตากแดดแล้วได้เทสโทสเทอร์โรนนะครับ” และ “การออกกำลังช่วงขานี่มันช่วยเรื่องเทสโทสเทอโรน”

เราถามวศินถึงความรู้สึกทั่วไปของชีวิตตอนนี้ เขาบอกว่า “ตอนนี้รู้สึกสุขภาพดี คือออกกำลังมาได้หนึ่งปีแล้วรู้สึกเลยว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยป่วย” และมันนานจนเขาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เป็นหวัดน่ะมันเมื่อไหร่

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าของบริษัทอย่างวศิน เมื่อถึงเวลาที่จะเลือกปรับเปลี่ยนไปสู่โครงสร้างที่เล็กกว่า ชีวิตที่เบากว่ามันคล้ายจะทำให้วิกฤตเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส ถ้าเขาทำอีกอย่างคือดิ้นรนหางานเข้าบริษัท เพื่อรักษาหรือเพิ่มรายได้และขนาดของกิจการ  ป่านนี้เขาคงไม่ได้ออกกำลัง ไม่มีโอกาสใช้เวลากับลูกที่น่ารักทั้งสองคน “เช้า ๆ ผมขับรถไปส่งเขา”

 

ก่อนจะจบเรื่องของวศินเราอยากจะพูดถึงบ้านของเขาอีกสักหน่อยบ้านหลังนี้ซึ่งเขาออกแบบเองนอกจากโปร่งแบบไม่มีเหล็กดัดแล้วยัง “ไม่มีมุ้งลวด” ตอนที่บ้านเสร็จใหม่ๆ “คนแถวนี้เดินผ่านแล้วมองบ้าน เขายังบอกเลยว่าบ้านไม่มีมุ้งลวด จะอยู่ได้ยังไง ผมว่าบ้านผมอยู่สบายกว่าบ้านพวกเขาตั้งเยอะนะ”

เขาตระหนักถึงปัญหา
แล้วลงมือทำ

บ้านไม่มีมุ้งลวดของเขา
นอกจากจะลมโชยอย่าง
สบายทั้งที่อยู่กลางเมือง
แล้วยังเปิดโอกาสให้
“เพื่อนบ้าน” ตัวเล็ก ๆ
บินเข้าบินออก
“นกนี่ประจำเลยครับ บางที
ก็บินเข้ามาชนกระจก
กลางคืนก็จะมีผึ้ง
พอเราเปิดไฟตอนกลางคืน
มันก็มาตอมไฟ แล้วนกก็
มากินผึ้ง มันเข้ามาทำรัง

” บ้านหลังนี้ต้อนรับนก
และผึ้งให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
ของบ้าน แบบเดียวกับที่วศิน
รับมือกับสภาพเศรษฐกิจ
ที่ส่งกระทบต่อบริษัทของเขา
สภาพเสื่อมถอยของวัยสี่สิบ
ที่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพ
ทางร่างกายของเขา เขาตระหนัก
ถึงปัญหาแล้วลงมือทำ ลุกขึ้น
สู้จนทุกวันนี้ “ช่วงนี้เป็น
ช่วงที่ชีวิตผมแฮปปี้นะ
ปัญหาน่ะก็พอมี แต่โดยรวม
ถือว่าโอเคเลยทีเดียว”

head-bottom3

c1206315a6826b7241150eaea440ebbc

Credit:http://www.esquire.co.th/interview/%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C/190

You may also like...